บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2/67เริ่มฟื้นตัว จากอานิสงส์การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ชี้การลงทุนภาครัฐและเอกชนหนุนเศรษฐกิจไทยโต 3%
บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) ขอนำส่งข่าว บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2/67เริ่มฟื้นตัว จากอานิสงส์การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ชี้การลงทุนภาครัฐและเอกชนหนุนเศรษฐกิจไทยโต 3% มาเพื่อโปรดพิจารณา และขอขอบพระคุณในความอนุเคราะห์นำเสนอข่าวสารด้วยดีเสมอมา
ขอแสดงความนับถือ
ทีมประชาสัมพันธ์
________________________
ข่าวประชาสัมพันธ์: 27 มีนาคม 2567
บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2/67เริ่มฟื้นตัว
จากอานิสงส์การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ชี้การลงทุนภาครัฐและเอกชนหนุนเศรษฐกิจไทยโต 3%
- คาด SET Index สิ้นปี 2567 ไว้ที่ 1,550 จุด
บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ เรือธงด้านการลงทุนภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) ประเมินว่า ช่วงเวลาที่ยากที่สุดในรอบปีกำลังจะผ่านไปในช่วงไตรมาส 1/67 โดยประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยจะเริ่มดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2/67 และดีขึ้นตามลำดับในครึ่งหลังปี 2567 ตามที่เคยประเมินไว้ช่วงต้นปีนี้ จากโอกาสในการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐฯ รวมถึง การเบิกจ่ายงบประมาณของไทยที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งหากการเบิกจ่ายทำได้ดีและมีประสิทธิภาพ เราประมาณการเติบโต GDP ของไทย จะขยายตัวได้ 3.0% จากการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้น แต่หากการเบิกจ่ายต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.5% ซึ่งหากเป็นกรณีหลังประเมินว่า ธปท. อาจสามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ประเมินเป้าหมาย SET Index อยู่ที่ 1,550 จุด ชี้เป้าหุ้นเด่นไตรมาส 2 เน้นโฟกัสหุ้นที่ผลประกอบการทำจุดต่ำสุดแล้วและได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย ได้แก่ AOT GFPT GULF KCE และ SCGP
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า "เศรษฐกิจโลกในไตรมาส 2 ปี 2567 มีแนวโน้มชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป (Global Soft-Landing) แม้ว่าอัตราการเติบโตจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ทั้งนี้ การที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯอยู่ในทิศทางชะลอตัว ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้ ในส่วนของเศรษฐกิจจีนเริ่มเห็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้าน โดยหากเศรษฐกิจจีนเติบโตตามแผนของรัฐบาลจะส่งผลบวกต่อทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของเอเชียโดยเฉพาะไทย ในขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านการเบิกจ่ายภาครัฐเป็นหลัก ในขณะที่การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นอีกปัจจัยที่อาจเกิดขึ้นซึ่งจะช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยเช่นกัน ปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยในไตรมาสที่ 2/67 โดยประเมิน SET Index เป้าหมายที่ 1,550 จุด แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มขนส่ง และ กลุ่มสาธารณูปโภค"
ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า "เราประเมินว่าเศรษฐกิจโลกดูดีกว่าคาด โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่อาจชะลอตัวลงในระยะต่อไป อันเป็นผลมาจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ 1. ผลกระทบของดอกเบี้ยขาขึ้น 2.ความเสี่ยงของภาคธนาคารที่เพิ่มขึ้น และ 3.เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ แม้ว่าความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะลดลง ในประเทศอื่นๆ มองว่าเศรษฐกิจยุโรปจะเสี่ยงต่อภาวะถดถอย แต่นโยบายการเงินเริ่มมีพื้นที่ว่างมากขึ้น เศรษฐกิจญี่ปุ่น BOJ ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี แต่ยังให้คำมั่นที่จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว เพื่อรักษาสถานะนโยบายการเงินให้ยังผ่อนคลาย ทั้งนี้แนะจับตากระแสการกู้ยืมเงินเยนไปลงทุนในสินทรัพย์สกุลอื่น (Reverse Yen Carry Trade) อย่างใกล้ชิด แต่เชื่อว่า BOJ จะดำเนินนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะไม่ทำให้กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายผันผวนมากนัก ด้านเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ระยะยาวยังเผชิญความเสี่ยงจาก 3 วิกฤต ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ภาวะเงินฝืด และวิกฤตการจ้างงาน"
ด้าน นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด "แนะให้จับตาราคาน้ำมันดิบที่เร่งตัวขึ้นมาล่าสุด เนื่องจากอาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลงช้ากว่าเป้าหมายที่ธนาคารกลางต้องการ เนื่องจากจะมีผลต่อแผนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ทั้งนี้ สาเหตุที่ราคาน้ำมันดิบเร่งตัวขึ้นเนื่องจากอัตราการขยายตัวของอุปสงค์ที่แข็งแรงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่งกว่าคาด รวมถึงมาตรการลดการผลิตของ OPEC+ ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องอาจนำไปสู่ตลาดน้ำมันที่อยู่ในภาวะอุปทานขาดแคลนได้ สำหรับประเด็นเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้นล่าสุด ประเมินว่า Fed มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิถุนายน และลดเป็นจำนวน 3-4 ครั้งในปีนี้ ด้าน ECB มีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยก่อน Fed โดยคาดการณ์ว่า ECB จะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือน มิถุนายน และลดเป็นจำนวน 4 ครั้ง เช่นกัน ด้าน ธปท. คาดว่าอาจเริ่มเห็นการลดดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือนเมษายน และมิถุนายน เนื่องจากเศรษฐกิจยังเปราะบาง"
ขณะที่ นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เผยถึง "กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 2 ปี 2567 ว่า กลยุทธ์การลงทุนของเรา คือ โฟกัสไปที่หุ้นที่ผลประกอบการทำจุดต่ำสุดไปแล้วและเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้คาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุน (Rotation) จากตลาดเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว (Developed Market) ไปยังตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) และเม็ดเงินลงทุนใหม่จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่ม non-tech และกลุ่มวัฏจักรมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยกลุ่มเทคโนโลยียังมีความน่าสนใจอย่าง TSMC, ASML, Microsoft, Alphabet ในขณะที่ Non-tech และกลุ่มวัฏจักรได้แก่ Airbus, Home Depot, Pfizer, Walt Disney, China Mobile, Baidu, CATL"
สำหรับตลาดหุ้นไทยประเมินเป้าหมาย SET Index อยู่ที่ 1,550 จุด แนะจุดเข้าซื้อที่สำคัญอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1,400 จุด ผลตอบแทนที่คาดหวังอยู่ที่ 12% ชี้เป้าหุ้นเด่นไตรมาส 2 ปี 2567 เน้นโฟกัสหุ้นที่ผลประกอบการทำจุดต่ำสุดแล้วและได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย มีฐานะการเงินและกระแสเงินสดที่ดี ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจน และได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของวงจรการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการเบิกจ่ายงบประมาณ ได้แก่ AOT GFPT GULF KCE และ SCGP
"สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะยาว เรายังแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost-Averaging) เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังถือว่าฟื้นตัวช้ากว่าตลาดหุ้นภูมิภาค ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ Undervalue มาก เราคาดว่า SET Index จะยังคงมีความผันผวน การลงทุนแบบ DCA ในช่วงนี้จึงถือเป็นจังหวะที่ดีที่สุด เนื่องจากความเสี่ยงลดลงไปมากและโอกาสทำกำไรในอนาคตค่อนข้างสูง โดยเกณฑ์การพิจารณาหุ้นสำหรับ DCA เข้าพอร์ตควรเป็นหุ้นที่พื้นฐานดี ราคา Undervalue มีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ BBL, BDMS, BEM, CPALL, PTT และ SCC นอกจากนั้นเรายังมีคำแนะนำสำหรับพอร์ตการลงทุนแบบ 2 สัปดาห์ (Bi-weekly Portfolio) และหุ้นเด่นประจำวัน (Daily Top picks)" นายสุกิจ กล่าวเสริม
นายพยนต์ พงศาวรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานฝ่าย Wealth Products and Strategy บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เผยมุมมองด้านการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ว่า "การลงทุนรายสินทรัพย์ในไตรมาส 2 เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อตราสารหนี้ ซึ่งนอกจากจะมีอัตราผลตอบแทนในปัจจุบันที่น่าสนใจ ประกอบกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกที่จะเป็นผลบวกต่อราคาตราสารหนี้แล้ว ยังถือเป็นตัวช่วยกระจายความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนได้ด้วยเช่นกัน โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีเป็นหลัก และหลีกเลี่ยงการลงทุนตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสินทรัพย์ในระดับต่ำ แนะนำกองทุน UGIS-N ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก ในขณะที่ตราสารทุน เราปรับมุมมองการลงทุนต่อหุ้นสหรัฐฯ จากระดับระมัดระวังขึ้นมาเป็นระดับเป็นกลาง (Neutral) โดยถึงแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มชะลอตัว แต่เมื่อพิจารณาแนวโน้มผลดำเนินงานพบว่ามีการปรับประมาณการกำไร (Earning Revision) ขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับหุ้นในตลาดเกิดใหม่โดยภาพรวมถึงแม้ว่าจะมีมูลค่าหุ้น (Valuation) อยู่ในระดับที่น่าสนใจ แต่เรายังแนะนำให้เลือกลงทุนเฉพาะบางตลาดที่มีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว และ Valuation ยังไม่ได้แพงมากเกินไป เช่น ตลาดหุ้นไทย เวียดนาม และเกาหลีใต้ แนะนำกองทุน TISCOHD-A ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่ปันผลสูงคุณภาพ ผสมผสานกับกองทุน ASP-SME-A ลงทุนในหุ้นไทยขนาดกลางขนาดเล็กเติบโตสูง กองทุน Principal VNEQ-A ลงทุนในหุ้นเวียดนามที่มีศักยภาพในการเป็นผู้ชนะในระยะยาว สอดคล้องไปกับการเติบโตเชิงโครงสร้าง และกองทุน SCBKEQTG ลงทุนในหุ้นเกาหลีใต้ อาทิ Samsung ผู้ผลิต Memory Chip อันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งได้ประโยชน์จากการส่งออกในกลุ่ม Semiconductor ที่เติบโต โดยการลงทุนในกองทุนไทยเหล่านี้นอกจากจะช่วยกระจายเสี่ยงของพอร์ตแล้ว นักลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีต่างประเทศอีกด้วย"
สำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนในตลาดต่างประเทศและสินทรัพย์อื่นๆ สามารถติดตามบทวิเคราะห์ และกลยุทธ์การลงทุนจาก InnovestX ที่ครอบคลุมหลากหลายกลยุทธ์ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว สามารถเลือกลงทุนได้ตามกลยุทธ์ของตนเอง สามารถติดตามบทวิเคราะห์ได้ที่ www.innovestx.co.th และ Facebook InnovestX
#InnovestX #InnovestXResearch #จักรวาลการลงทุนในมือคุณ
InnovestX Forecasts Recovery in Thai Stock Market in Q2/2024, Benefiting from U.S. Fed Rate Cuts and Boosts from Public and Private Investments, with Thai Economy Poised for Up to 3% Growth and SET Index Projected to Reach 1,550 Points by Year-End
InnovestX, an investment flagship of SCBX group, assesses that the most challenging period of the year is likely to pass during the first quarter of 2024. The Thai stock market is expected to begin its recovery in the second quarter of 2024 and progressively improve in the latter half of the year, as previously estimated early this year. This optimism is partly due to the potential for relaxed financial policies in major economies like the United States, along with the ongoing consideration of Thailand's budget disbursements. Should these disbursements be efficiently executed, Thailand's GDP growth is estimated to reach 3.0%, spurred by increased public and private investments. Conversely, if disbursements fall short of expectations, the Thai economy might only achieve a 2.5% growth rate. In such a scenario, it is anticipated that the Bank of Thailand could cut interest rates twice. The target for the SET Index is set at 1,550 points. For Q2, InnovestX highlights stocks that have bottomed out and would benefit from interest rate cuts, including AOT, GFPT, GULF, KCE, and SCGP, as key investment focuses.
Mr. Sukit Udomsirikul, Chief Research Officer of InnovestX Securities Co., Ltd., observed, "The global economy is poised for a gentle deceleration (Global Soft-Landing) in the second quarter of 2024, yet it's performing better than analysts initially forecasted. This deceleration, coupled with the declining inflation rate in the United States, opens the door for the Federal Reserve to lower interest rates within the year. On the other hand, the Chinese economy is witnessing a rollout of stimulus measures across various sectors. Should China's growth align with governmental projections, it is expected to positively influence Asia's economic landscape and stock markets, with Thailand standing to benefit notably. The trajectory of Thailand's economic growth in 2024 is largely contingent on government expenditure. Additionally, a potential reduction in interest rate policies could further bolster the Thai economy. These dynamics are anticipated to positively affect the Thai stock market in Q2 of 2024, with a SET Index goal of 1,550 points. Key sector recommendations include commercial, electronic components, food and beverage, transportation, and public utilities."
Dr. Piyasak Manason, head of Economic Research at InnovestX Securities Co., Ltd.'s Investment Strategy Division, remarked, "Our assessment reveals that the global economy is outperforming expectations, with the U.S. economy leading the way. However, we foresee potential slowdowns due to three primary factors: the repercussions of rising interest rates, heightened risks within the banking sector, and escalating global economic uncertainties, notably geopolitical tensions. Despite a reduced likelihood of a global recession, Europe's economy faces recession risks, though there's now more flexibility in monetary policy. In Japan, the Bank of Japan (BOJ) has increased interest rates for the first time in seventeen years but continues to support an accommodative monetary stance by purchasing long-term government bonds. We recommend closely watching the reverse yen carry trade activities, though we anticipate the BOJ will maintain a cautious and incremental approach to monetary policy, mitigating the impact on capital flows. The Chinese economy is poised for a short-term rebound, yet it confronts enduring challenges from the trifecta of real estate issues, deflationary pressures, and employment crises."
Mr. Sutthichai Kumworachai, Head of Investment Strategy at InnovestX Securities Co., Ltd. stated "Advised keeping a close eye on the recent surge in crude oil prices. This uptick could slow the reduction of inflation rates below central banks' targets, potentially affecting plans to lower interest rates this year. The rise in oil prices is attributed to stronger demand growth, buoyed by a global economy that is performing better than anticipated, as well as production cuts by OPEC+. Should this situation persist, it might lead to a supply shortage in the oil market. Regarding interest rate cuts, it's now assessed that the Federal Reserve (Fed) might reduce rates in its June meeting, possibly cutting them 3-4 times throughout the year. The European Central Bank (ECB) is also expected to cut rates, potentially even before the Fed, with forecasts suggesting a start in June and a total of four reductions this year. As for the Bank of Thailand (BOT), rate cuts could commence in the Monetary Policy Committee meetings in April and June, reflecting the economy's ongoing fragility."
Mr.Sittichai Duangrattanachaya, Senior Global Equity Strategist at InnovestX Securities Co., Ltd., shared insights on the Q2 2024 investment strategy. "Our strategy focuses on stocks that have already hit their performance lows and are beginning to recover. We anticipate a shift in investment weighting (Rotation) from Developed Markets to Emerging Markets, with new investment flows increasingly directed towards non-tech and cyclical sectors starting from Q2 onwards. While the technology sector remains attractive with companies like TSMC, ASML, Microsoft, and Alphabet, there's growing interest in non-tech and cyclical groups, including Airbus, Home Depot, Pfizer, Walt Disney, China Mobile, Baidu, and CATL."
For the Thai stock market, the SET Index target is set at 1,550 points, with key buying opportunities identified below the 1,400 point level, anticipating an expected return of 12%. The highlighted stocks for Q2 2024 are those that have already seen their lowest performance points and are set to benefit from interest rate cuts. These companies feature strong financials and cash flow, a clear trajectory towards recovery, and stand to gain from the revival of the industrial production cycle and government budget allocations. Key stocks to watch include AOT, GFPT, GULF, KCE, and SCGP, all of which are well-placed to capitalize on these improving conditions.
"For our long-term investment strategy, we continue to recommend the Dollar-Cost-Averaging (DCA) approach, especially as the Thai stock market is recovering more slowly compared to regional markets and stock prices are significantly undervalued. We anticipate the SET Index will remain volatile, making this an optimal time for DCA investment due to the substantially reduced risk and the high potential for future profits. Stocks considered for DCA should have solid fundamentals, be undervalued, and show consistent operational growth, including BBL, BDMS, BEM, CPALL, PTT, and SCC. Additionally, we offer advice for a Bi-weekly Portfolio and Daily Top picks to further guide investment decisions". Mr. Sukit emphasized the extensive resources InnovestX offers to investors.
Mr. Payon Pongsawaree, Assistant Managing Director of Wealth Products and Strategy of InnovestX Securities Co., Ltd., shared his perspective on asset allocation for the second quarter, stating, "Our asset-specific investment outlook for Q2 remains positive towards bonds, which not only offer an appealing current yield but are also likely to benefit from the global trend of decreasing central bank interest rates, enhancing debt security prices. This serves as a risk diversification tool during volatile market periods. We emphasize investing primarily in high-quality debt instruments, avoiding low-asset-quality bonds. We recommend the UGIS-N fund, which invests through the main PIMCO GIS Income Fund, targeting high-quality debt securities worldwide. As for equities, we have adjusted our investment stance on U.S. stocks from cautious to neutral. Despite the overall economic slowdown, the continuous upward revision of earnings estimates indicates potential. For emerging market stocks, although valuations are attractive, we advise selective investment in markets with specific supportive factors and not overly expensive valuations, such as the Thai, Vietnamese, and South Korean stock markets. We suggest the TISCOHD-A fund for investing in high-dividend, high-quality large-cap Thai stocks, combined with the ASP-SME-A fund for high-growth small and medium-sized Thai stocks. The Principal VNEQ-A fund is recommended for investing in Vietnamese stocks with long-term winner potential and structural growth, and the SCBKEQTG fund for investing in top South Korean stocks like Samsung, a leading memory chip manufacturer benefiting from the growth in semiconductor exports. Investing in these Thai funds not only helps diversify portfolio risks but also alleviates concerns about foreign taxes for investors."
Investors interested in foreign markets and other assets can access analyses and investment strategies offered by InnovestX, which encompass a wide array of short and long-term approaches. You have the flexibility to invest according to your preferred strategy and access these analyses on www.innovestx.co.th and Facebook InnovestX.
###########
DISCLAIMER: This e-mail is intended solely for the recipient(s) name above. If you are not the intended recipient, any type of your use is prohibited. Any information, comment or statement contained in this e-mail, including any attachments (if any) are those of the author and are not necessarily endorsed by the Bank. The Bank shall, therefore, not be liable or responsible for any of such contents, including damages resulting from any virus transmitted by this e-mail. |
No comments