Header Ads

YLG แนะจับตาใกล้ชิด ทองไทยยืนเหนือ 40,000บ. ระยะสั้นยังลงยาก เหตุแนวโน้มแกร่ง รับทิศทางดอกเบี้ยขาลงยาว 3 ปี หนุนทองเทรนด์ขาขึ้น

เรียน ท่านสื่อมวลชน

ขอความอนุเคราะห์เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ โดยมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ

 

Press Release
10 เมษายน 2567

 

YLG แนะจับตาใกล้ชิด ทองไทยยืนเหนือ 40,000บ. ระยะสั้นยังลงยาก
เหตุแนวโน้มแกร่ง รับทิศทางดอกเบี้ยขาลงยาว
3 ปี หนุนทองเทรนด์ขาขึ้น

วายแอลจีชี้ใครรอทองคำราคาต่ำกว่า 40,000 บาทต่อบาททองคำยังมีความหวัง แต่ในระยะสั้นนี้ยังเป็นไปได้น้อย เหตุปัจจัยสนับสนุนยังแน่น ทั้งจากทิศทางดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐที่เป็นขาลงชัดเจนในปีนี้และอีก 2 ปีข้างหน้า และได้รับแรงสนับสนุนจากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งนำไปสู่การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก 8 เดือนต่อเนื่อง เพื่อเป็นทุนสำรอง  เชื่อระยะสั้นอาจย่อแต่ยังยืนได้แถว 40,000 บาทต่อบาททองคำ หรือ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ยกเว้นปัจจัยจะเปลี่ยน อาทิ การกลับไปขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเงินเฟ้อหรือตลาดแรงงานสหรัฐ แต่มีโอกาสเกิดได้น้อยในช่วง 3 ปีนี้ พร้อมแนะคนอยากซื้อทอง เข้าซื้อผ่านแอปฯ Get Gold ซื้อทองได้เริ่มต้น 100 บาท ไปจนถึง 80 กิโลกรัมต่อ 1 วัน

 

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่าราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงต่อเนื่องจนราคาได้ถึงมาสูงกว่าเป้าหมายที่วายแอลจีให้ไว้คือ 2,350 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์  ซึ่งวายแอลจีได้แนะนำนักลงทุนว่าหากราคาทองคำได้ปรับขึ้นมาถึงระดับ 2,350 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์แล้ว นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนเพราะระดับนี้อาจจะมีแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นออกมา  อย่างไรก็ดีแรงขายทำกำไรอาจทำให้ทองคำย่อตัวลงได้ระดับหนึ่งแต่เชื่อว่าในระยะสั้นจะยังไม่ปรับลดลงไปต่ำกว่า 2,300 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ และสำหรับทองคำในประเทศมองว่าหากค่าเงินบาทไม่ได้แกว่งตัวผันผวนมากนัก ราคาทองคำในประเทศก็จะยืนบริเวณ 40,000 บาทต่อบาททองคำ

 

การพักฐานของราคาทองคำรอบนี้มองว่าจะปรับตัวลดลงไม่มาก เนื่องจาก ปัจจัยสนับสนุนหลักยังคงแข็งแกร่ง ทั้งอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะเริ่มเข้าสู่ขาลงในปีนี้  โดยจะลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% และลดลงต่อเนื่องในปีหน้า และปีถัดไป ทำให้นักลงทุนมองว่าทองคำจะได้รับปัจจัยบวกจากดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง และจะกระทบให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง และความต้องการทองคำจากธนาคารกลางประเทศต่างๆที่มีอย่างต่อเนื่อง จากกระแส De-Dollarization ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าถือครองทองคำเพิ่มอีก 39 ตันในเดือน ม.ค.  นำโดยตุรกีและจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อสุทธิทองคำเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจาก ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่สนับสนุนความการทองคำด้วยเช่นกัน

 

อย่างไรก็ดีสำหรับคนที่ต้องการเข้าซื้อและมองว่าราคาทองคำจะหลุด 40,000 บาทต่อบาททองคำหรือไม่นั้น มองว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้หากสถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลง หากความแข็งแกร่งของปัจจัยสนับสนุนลดลงก็อาจทำให้ราคาทองคำเริ่มพักฐาน แต่ประเมินว่าราคาทองคำจะยังไม่หลุด 2,270 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือ 39,000 บาทต่อบาททองคำ  อย่างไรก็ดี วายแอลจีมองว่าโอกาสที่จะได้เห็นราคาหลุด 40,000 บาทต่อบาททองคำ ในอนาคตอันใกล้นั้นก็ยังคงมีน้อยกว่า เนื่องจากเทรนด์ทองคำยังเป็นขาขึ้น

 

ทั้งนี้สำหรับเครื่องมือในการเข้าลงทุนทองคำในช่วงนี้วายแอลจียังคงแนะนำแอปพลิเคชั่น Get Gold บริการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำโดยใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง และเข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ตโฟน โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชั่น รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อ-ขาย ทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาท ไปจนถึง 80 กิโลกรัมต่อ 1 วัน ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ที่ App Store และ Play Store หรือโทร. 0-2678-9888 #1

 

 

**************************

 

สื่อมวลชนต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ :
ภาติยา ภิรมณณ์กุล (ตี้) โทร 089 689 4900 bhatiya.te@gmail.com

 

 

--
Best ,
Bhatiya Bhiramonkul
089 6894900

No comments

Powered by Blogger.